Coding Gun

การติดตั้ง Jmeter บน Windows

ในบทความนี้เราจะพาคุณไปดูวิธีการติดตั้งและใช้งาน JMeter เบื้องต้น ซึ่ง JMeter ถือว่าเป็นตัวเลือกแรกๆสำหรับการทำ Load Test ลองอ่านวิธีการทำ Load Test เบื้องต้นได้ที่บทความนี้

เครื่องที่ใช้ติดตั้ง JMeter ในบทความนี้จะเป็น Windows 11

ติดตั้ง JMeter

  1. ติดตั้ง Java(เลือก Version 8 ขึ้นไป) แนะนำให้ใช้ Version ล่าสุด การติดตั้ง Jmeter บน windows มีขั้นตอนดังนี้

  2. Download ตัว Installer ได้ที่ https://jmeter.apache.org/download_jmeter.cgi โดยเลือกไฟล์ apache-jmeter-5.6.3.zip

    Download Jmeter Installer
    Download JMeter Installer

  3. ทำการแตกไฟล์ Zip ให้เราทำการแตกไฟล์ Zip ออกมา

    Jmeter Install Step 1
    Unzip Files

  4. เข้าไปที่โฟล์เดอร์ \jmeter\apache-jmeter-5.6.3\bin หาไฟล์ที่ชื่อ jmeter.bat และกดเปิดไฟล์

    Jmeter Install Step 2
    เข้าไปค้นหา jmeter.bat

เมื่อเรารัน jmeter.bat เราก็จะได้สามารถใช้งาน Jmeter บน Windows ได้แล้ว

Jmeter Get Start
เริ่มต้นใช้งาน JMeter

ขั้นตอนการทำ Load Testing บน Jmeter

  1. เริ่มต้นทำงานให้เราสร้าง Templates ใหม่ขึ้นมา ไปที่เมนู File > Templates แล้วเลือก Template ชื่อ Building a Web Test Plan

    Jmeter create template step 1
    Jmeter choose template
    สร้างวิธีการทดสอบจาก Template ที่มี

    เมื่อเราได้ Template ใหม่สำหรับการทดสอบ ให้เราเปลี่ยนชื่อการทดสอบตาม Applcation ที่เราจะนำมาใช้ และในตัวอย่างนี้ เราจะใช้เป็น Next .JS ซึ่งผู้อ่านสามารถทำตามได้จาก บทความ Next.js

    Create JMeter Test Plan
    สร้าง Test Plan

  2. กำหนดค่าให้กับ Scenario ซึ่ง Scenario จะมีการตั้งค่าหลักที่เราควรรู้จักดังนี้

    • Number of Threads (users) กำหนดจำนวนผู้ใช้งาน(จำนวน Threads) ในตัวอย่างนี้กำหนดเป็น 10 หมายถึงจำลอง Users ขึ้นมา 10 คน(10 Requests)
    • Ramp-up period (seconds) ใช้เวลากี่วินาทีในการสร้าง Load ในตัวอย่างนี้จะใช้เวลา 1 วินาที ในการสร้าง 10 Requests
    • Loop Count จำนวนรอบของการทดสอบ ในตัวอย่างนี้จะยิง Requests(10 Requests) เข้าไป 5 รอบ

    Jmeter Get Start
    กำหนด Options ให้กับ Scenario

  3. กำหนดที่อยู่ของ Application ที่ต้องการทำ Load Test โดยที่เราจะต้องระบุ IP Address และ Port

    Setup Target
    ระบุ Target

  4. ประเมินผลลัพธ์(Assertion) หลังจากที่เราได้ Response กลับมาจาก Service ที่ต้องการทดสอบ เราจะต้องประเมินว่าผลลัพธ์นี้ถือว่าระบบยังทำงานอยู่หรือไม่(Load Test คือการทดสอบว่าระบบสสามารถรองรับ Load ได้) โดย

    • Copy Code ด้วยการคลิกขวาแล้วเลือก View Page Sources
      Jmeter Get Start
      Copy HTML ที่สามารถยืนยันได้ว่าระบบยังทำงานอยู่
    • เข้าไปที่ Homepage > Assertion แล้วนำ Code ที่ได้ Copy ไว้มาใส่ในช่อง Patterns to Test
      Jmeter Get Start
      นำ HTML ที่ Copy ไว้มาวางใน Patterns to Test
  5. ทำการ Save Test Plans

    Jmeter Get Start
    เลือกที่ชื่อ Plan
    Jmeter Get Start
    กด Save Test Plan as
    Jmeter Get Start
    Save file

    หลังจากนั้นกดปิดโปรแกรม JMeter เนื่องจากเราจะใช้ JMeter GUI สำหรับสร้าง Load Test Plan เท่านั้นส่วนการทำ Load Test จริงๆ จะทำผ่านทาง Command Line

  6. สร้าง Directory ที่ใช้เก็บผลลัพธ์ ที่ได้หลังจากการทำ Load Test โดยเข้าไปที่ Folder ที่เราต้องการเก็บ Report และใช้คำสั่ง

     $ mkdir next-js-report
    

    Jmeter Get Start

    ถ้าต้องการให้สามารถรัน JMeter ได้ทุกๆ Path ที่ต้องการเราต้องนำ Path ของ JMeter CLI ไปใส่ใน Environment Variables

  7. ทำการทดสอบโดยใช้ JMeter CLI แล้วทำการระบุ Arguments ต่างๆดังนี้

     $ ./jmeter -n -t .\templates\nextjs-app.jmx -l .\logs\next-js-app.jtl -e -o .\next-js-report\
    

    Jmeter Get Start
    เริ่มต้นทำการทดสอบ

  8. เปิดดู Report การทดสอบ โดยเข้าไปที่ next-js-report ที่ได้สร้างขึ้นมาในขั้นตอนที่ 6

    Jmeter Get Start
    ไฟล์ที่ได้หลังจากทำ Load Test

    เปิดรายงานการทดสอบโดยเปิดไฟล์ index.html จะได้ผลลัพธ์ออกมาดังรูป

    Jmeter Get Start
    รายงานที่ได้หลังจากการทำ Load Test

    อ่านบทความอื่นๆเกี่ยวกับการทำ Load Test

Phanupong Permpimol
Follow me