Coding Gun

การทำงานกับ Dictionary ใน Python

Dictionary จะเหมือนกับ JSON ใน Javascript ซึ่งจะ map ระหว่าง key และ value บางครี้งอาจ เรียกว่า maps หรือ associative array

current_movies = {} # ประกาศ empty dict
current_movies = {'equalizer 3': '11:00am',
                 'john wick 4': '1:00pm',
                 'batman': '3:00pm'}

print(current_movies['equalizer 3'])

# ผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นแบบนี้
{'equalizer 3': '11:00am', 'john wick 4': '1:00pm', 'batman': '3:00pm'}

นอกจากการประกาศในรูปแบบด้านบนแล้วเรายังสามารถใช้ dict constructor แบบนี้ก็ได้

current_movies = dict(equalizer = '11:00am', johnwick = '1:00pm', batman = '3:00pm')

ซึ่งจะได้ผลลัพธ์แบบเดียวกับตัวอย่างก่อนหน้า แต่ key จะมีเว้นวรรคหรืออักขระพิเศษไม่ได้

ตั้งแต่ python 3.7 เป็นต้นไป dict จะเปลี่ยนเป็นตัวแปรที่มีการเรียงลำดับ(ordered)

การ get ค่าจาก dict

showtime = current_movies.get('equalizer 3')

แนะนำว่า key ที่เราใช้ควรจะเป็นตัวพิมพิ์เล็ก(lowercase) เวลารับ input เข้ามาจะได้พิมพิ์ได้ทั้งตัวพิมพิ์ใหญ่(uppercase) และตัวพิมพิ์เล็ก(lowercase) แบบนี้

movie = input('What movie would you like the showtime for?\n')
showtime = current_movies.get(movie.lower())

และถ้าเกิดเราพิมพิ์ชื่อหนังที่ไม่มีอยู่ใน dict python จะ return None ออกมาให้ เราเลยต้องทำการ handle ค่า None ด้วยเงื่อนไข ดังนี้

if(showtime is None):
    print("Requested movie isn't playing")
else:
    print(movie, 'is playing at', showtime)

เราควรต้องใช้ is เพราะจะเฉพาะ None เท่านั้นถึงจะเป็น True(Explicit)

ตามหลักการของ Zen of Python Explicit better than implicit

การวน loop เพื่อเข้าถึงสมาชิกใน dict

เราสามารถดึงออกมาเฉพาะ key แบบนี้ก็ได้

for key in current_movies:
    print(key, current_movies[key])

หรือถ้าต้องการใช้ทั้ง key และ value ให้เรียกใช้ items() method แบบนี้ code จะอ่านง่ายขึ้นกว่าตัวอย่างก่อนหน้ามากๆ

for key, value in current_movies.items():
    print(key, value)

Dict to JSON

การเพิ่มสมาชิกใหม่เข้ามาใน dict

# add สมาชิกใหม่เข้าไปได้เลย
current_movies['expand4ble'] = '10:00pm'

หรือจะใช้ update method แบบนี้ก็ได้

current_movies.update({'expand4ble': '10:00pm'})

ถ้าเราใส่ key ที่มีอยู่แล้ว python จะนำข้อมูลไป update value ของ key ที่มีอยู่แล้ว เช่น

current_movies['batman'] = '1:00am'
# หรือ
current_movies.update({'batman': '1:00am'})

# ผลลัพธ์จะออกมาเป็นแบบนี้
{   'equalizer 3': '11:00am', 
    'john wick 4': '1:00pm', 
    'batman': '1:00am'
}

การลบสมาชิกใน dictionary ออก

เราสสามารถนำข้อมูลออกจาก dict ได้เหมือนกับ list แบบนี้

del current_movies['expand4ble'] 

หรืออาจเลือกใช้ pop() method แบบนี้ก็ได้

current_movies.pop('expand4ble')

นอกจาก pop() method เรายังมี popitem() method ที่จะ pop เอา สมาชิกตัวสุดท้ายออก

current_movies.popitem()

ใน python version ที่เก่ากว่า 3.7 python จะยังไม่รู้ว่าตัวไหนมาหลังสุด เนื่องจากยังเป็น unordered ดังนั้นถ้าเรา popitem() จะเป็นการ random สมาชิกออกมา 1 ตัว

ถ้าในกรณีที่เราใส่ key ที่ไม่มีอยู่ใน dict

del current_movies['xxx']
# หรือ
current_movies.pop('xxx')

ก็จะเกิด KeyError แบบนี้

Traceback (most recent call last):
  File "<stdin>", line 1, in <module>
KeyError: 'xxx'

และในกรณีที่เราต้องการลบสมาชิกทุกตัวใน dict เราจะใช้ clear() method

current_movies.clear()

การลบ dictionary

เราสามารถลบ dict ทั้งตัวได้เลย ด้วยการใช้ del เหมือนกับที่เราใช้ลบสมาชิกใน dict ออก

del current_movies

ข้อควรระวัง ถ้าเราลืมใส่ key เข้าไปจะทำให้ dict นั้นหายไปทั้งตัวเลย

การ Copy dict

ทำไมเราต้อง copy เราแต่ assign ตัวแปร dict ให้กับตัวแปรอื่นก็ได้ไม่ใช่เหรอ

dict1 = {a: 10, b: 20}

dict2 = dict1

ถ้าเราทำแบบนี้คุณต้องเข้าใจว่าการเปลี่ยนแปลงใน dict1 หรือ dict2 จะกระทบกับอีกตัวทันที เพราะทั้ง 2 ตัวแปรนี้ชี้ไปที่เดียวกัน

dict1.update({c: 30})

print(dict2)
# ผลลัพธ์จะออกมาเป็น
{'a': '10', 'b': '20', 'c': 30}

เราแก้ dict1 แต่ dict2 เกิดการเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย เพราะทั้ง 2 ตัวแปรนี้ชี้ไปที่เดียวกัน

ดังนั้นถ้าเราอยากได้ dict ตัวใหม่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับตัวเดิมเราจะใช้ การ copy ซึ่งจะมีอยู่ 2 วิธีด้วยกัน คือ

  1. ใช้ copy() method

    dict2 = dict1.copy()
    
  2. ใช้ dict constructor

    dict2 = dict(dict1)
    

หลังจากนี้ dict1 และ dict2 จะไม่เกี่ยวข้องกันอีกต่อไป

การใช้ keys() method

เราสามารถใช้ keys() ดึงเฉพาะ key ของ dict ตัวนั้นๆออกมา ซึ่งอาจนำไปวน loop เพื่อแสดงผล หรือนำไปสร้างเป็น options ให้ user เลือก

now_showing = keys(current_movies)
print(now_showing)

# ผลลัพธ์ที่ออกมาจะเป็นแบบนี้
dict_keys(['equalizer 3', 'john wick 4', 'batman'])
Phanupong Permpimol
Follow me

Software Engineer ที่เชื่อในเรื่องของ Process เพราะเมื่อ Process ดี Product ก็จะดีตาม ปัจจุบันเป็นอาจารย์และที่ปรึกษาด้านการออกแบบและพัฒนา Software และ Web Security