การย้าย Data ขึ้นไปบน AWS
ในหลายๆสถานการณ์เราต้องการย้ายข้อมูลขึ้นไปไว้บน AWS ซึ่งมีหลายทาางเลือกด้วยกัน ขึ้นอยู่กับปริมาณข้อมูลและความรวดเร็ว ในบทความนี้เราจะพาคุณไปดูว่าเราจะ Migrate ข้อมูลขึ้นไปบน AWS ด้วยทางไหนได้บ้าง
1. Storage Gateway
Storage Gateway คือ Virtual Machine ที่สามารถนำไปติดตั้งไว้ใน Network ของเราเพื่อ Migrate data โดย Storage Gateway จะแบ่งออกเป็น 3 ประเภทดังนี้
- File Gateway ถ้าเรามี Network File System(NFS) หรือ Server Message Block(SMB) เราจะใช้ File Gateway ในการ Migrate data ดังรูป
- Volume Gateway ถ้าเรามีการ Mount Volume เข้าไปด้วย iSCSI เราจะสามารถใช้ Volume Gateway ในการ Migrate data ได้ ดังรูป
- Tape Gateway วิธีนี้จะเหมือนกับการ Backup ลง Tape แบบดั้งเดิม ถ้าเรามีระบบเก่าๆที่ยังใช้งาน Backup ข้อมูลลง Tape เราสามารถใช้ Tape Gateway ในการ Migrate data ได้ ดังรูป
เราสามารถใช้ Storage Gateway ได้ทั้งการ Migrate(ย้ายครั้งเดียว) และการ Sync data(ระยะยาว) เพราะการใช้ Storage Class จะเป็น Hybrid Storage(มีข้อมูลทั้งบน Cloud และ On-Prem)
Storage Gateway เหมาะสำหรับ Solution ที่ต้องการเก็บข้อมูลไว้ทั้งบน Cloud และ On-Prem
2. AWS Data Sync
เราสามารถใช้ AWS Data Sync ในการ Migrate Data ได้โดยที่จะแตกต่างจากการใช้ Storage Gateway ในหัวข้อก่อนหน้าตรงที่ เราต้องติดตั้ง Data Sync Agent ลงไปใน Operating System ซึ่งสามารถใช้ได้ทั้ง Windows และ Linux โดยที่การใช้งาน AWS Data Sync จะเป็นดังรูป
Data Sync เหมาะสำหรับการ Migrate แบบครั้งเดียวจบ
3. AWS Transfer
ในกรณีที่เรามีการใช้ FTP Server ไม่ว่าจะเป็น protocols sftp, ftps หรือ ftp ก็ตาม เราสามารถใช้ AWS Transfer เข้ามาตอบโจทย์นี้ได้ โดยการนำ AWS Transfer เข้าไปแทนที่ FTP Server ได้เลย ดังรูป
4. Data Migration Service
เราสามารถย้าย Service และ Data ที่อยู่บน On-Prem ด้วย AWS Migration Services ซึ่งจะแบ่งออกเป็นหลายๆ Services ย่อยๆ ดังนี้
- AWS Migration Hub เป็น service ไม่ได้ทำการ Migrate Data แต่เป็นหน้าหลักสำหรับเลือกวิธีการ Migrate และเก็บผลลัพธ์ของการ Migrate
- AWS Server Migration Service(AWS SMS) เป็น Service ที่ทำหน้าที่สร้าง AMI(Amazon Machine Images) จาก VM ที่มีอยู่แล้วบน VMware
- AWS Database Migration Service(AWS DMS) เป็น Service ที่ทำหน้าที่ย้าย database จาก On-prem ขึ้นไปไว้บน Cloud ซึ่งถ้าเป็น Database ต่างยี่ห้อกันเราต้องใช้่ Schema Conversion Tools(SCT) ในการสร้าง Schema ของ Database ปลายทางขึ้นมาก่อน
- AWS Application Migration Service(AWS MGN) เป็น Service ที่จะช่วยให้เราย้าย Application ขึ้นไปบน AWS ได่้อย่างราบรื่นซึ่งจะใช้ AWS Application Migration Service ซึ่งระหว่างการ Migrate จะต้องมีการวัดค่าต่างๆ เพื่อติดตามสถานะของการ Migrate ซึ่งเราจะสามารถติดตั้ง Service เพื่อเก็บตัววัดต่างๆได้ 2 แบบด้วยกันคือ
- Agentless ในรูปแบบนี้เราจะต้องนำ VM(มีไฟล์ OVA จาก AWS ให้เรานำไปสร้าง VM ลงใน vCenter) ซึ่งการติดตั้งแบบ Agentless เราจะได้ IP, MAC address, Hostname และ Resources ที่ใช้
- Agent-based เราต้องติดตั้ง AWS Application Discovery Agent ลงไปใน VM หรือ Physical Server แต่ละตัว ซึ่งเราจะได้ Performance ของระบบ, Network Connection และ OS Processes(เราจะได้ข้อมูลที่เละเอียดกว่าแบบ Agentless)
5. การใช้ Snowball
เราสามารถเลือกการ Migrate แบบ Physical(เหมือนกับการบอกให้ AWS เอา Harddisk มา Copy ข้อมูลไปนั่นแหละ) ซึ่งทางเลือกนี้จะเหมาะสำหรับ Data ที่อยู่ในสถานที่ที่มีความเร็ว Internet ต่ำๆ(อาจอยู่นอกเมืองไกลๆ) หรือต้องการการ Migrate ที่มีความปลอดภัยมากๆ(Data ที่ต้องการย้ายมีความสำคัญมากๆ)
ถ้าข้อมูลของเรามีเยอะมากและต้องการความปลอดภัยมากๆ เราจะเลือกวิธีการ Migrate แบบนี้ ซึ่ง Amazon จะมี Device ให้เราเลือกอยู่ 3 ขนาดคือ
- Snowcone เป็น Device ที่มีความจุขนาด 8TB(Terabytes) เหมาะกับการย้ายข้อมูลจากอุปกรณ์ IoT ที่มีข้อจำกัดเรื่องไฟและ storage
- Snowball จะเป็นอุปกรณ์ยอดนิยมมีให้เลือกหลายขนาดตั้งแต่ 48TB - 81TB
- SonowMobile เป็นรถบรรทุกขนาดใหญ่ มีความจุสูงสุดอยู่ที่ 100PB(Petabytes) เหมาะสำหรับย้าย Data Center ที่มีข้อมูลระดับ Exabytes
จะเห็นว่า AWS มีทางเลือกในการย้ายข้อมูลให้เราเยอะมากไม่ว่าข้อมูลของเราจะเก็บอยู่แบบไหนหรือมีขนาดเท่าไหร่ เราสามารถย้ายขึ้นไปไว้บน AWS ได้หมดเพียงแค่เลือก Solution ที่เหมาะสมทั้งในแง่ของราคาและความรวดเร็ว